เจาะลึกทฤษฎีเด็ดจากเหล่า Youtuber ต่างประเทศ

เจาะลึกทฤษฎีเด็ดจากเหล่า Youtuber ต่างประเทศ

BLW Online Trading

https://youtu.be/DpaN18VH-Sg?si=2wlej-qE6Rq0o3pg

จุดเด่นของช่อง

  • คุณภาพของคลิปการสอน : คลิปแต่ละคลิปภายในช่องนั้นมีคุณภาพเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านภาพที่ดีชัดและลื่นไหล หรือจะเป็นเสียงที่มีคุณภาพที่มากมีความชัดเจนน้ำเสียงนุ่มน่าฟัง รวมไปถึงการจัดไฟต่างๆ ที่ทำให้สามารถดูคลิปอย่างเพลิดเพลินเป็นพื้นหลังที่สะอาดตา ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า เจ้าของช่องนั้นมีการเอาใจใส่ในคุณภาพของคลิปเป็นอย่างมาก และองค์ประกอบเหล่านี้เองเป็นจุดที่หลายๆคนอาจไม่เคยให้ความสนใจมาก่อน เพราะคุณภาพของคลิปก็มีส่วนร่วมอย่างมากให้สามารถดูคลิปได้อย่างลื่นไหล
  • อธิบายกลยุทธ์อย่างละเอียด: จุดเด่นของช่องนี้นั้นก็คือการอธิบายตัวของกลยุทธ์เป็นอย่างดี ข้อดีคือกลยุทธ์ที่ช่องนี้เลือกใช้นั้นเรียกว่าเป็นพื้นฐานต่อเทรดเดอร์มือใหม่อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Indicator หรือเทคนิคต่างๆ ที่จะเป็นพื้นฐานในการเทรด Binary Option นั่นเอง การที่มีช่องที่สามารถอธิบายได้อย่างละเอียดนั้นก็ถือได้ว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีอย่างมาก
  • อธิบายข้อมูล Indicator อย่างครบถ้วน : Indicator ที่เลือกใช้ถือได้ว่าเป็นขั้นพื้นฐาน ที่เทรดเดอร์ทุกๆคนจะต้องเรียนรู้และเคยทดลองใช้ การที่ได้รับความรู้ที่ถูกต้องนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก และยิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญเมื่อกำลังเรียนรู้และหัดเทรดอยู่ ยกตัวอย่าง Indicator เช่น Stochastic ที่เทรดเดอร์ส่วนมากจะต้องมีพื้นฐานเพื่อที่จะสามารถเข้าใจในเรื่องของ Overbought และ Oversold ได้นั่นเอง
  • สามารถเทรดได้หลาย Trend : นิยามของระบบเทรดที่มีประสิทธิภาพ คือระบบเทรดที่สามารถทำกำไรได้ในทุก Trend ไม่ว่าจะเป็น Uptrend ,Downtrend หรือ Sideway เพราะระบบการเทรดที่สามารถเข้าทำกำไรได้ในทุกสถานการณ์ คือระบบการเทรดที่มีประสิทธิภาพ

ข้อควรระวัง

  • ใช้เวลารอเงื่อนไขการเข้าเทรด : ในแต่ละครั้งก่อนจะทำการเข้าเทรด จำเป็นที่จะต้องทำการรอจังหวะการเข้าเทรดตามเงื่อนไขที่ตัวเทรดเดอร์เองนั้นกำหนด เพราะหากอยากทดสอบประสิทธิภาพของกลยุทธ์การเทรดนั้น จำเป็นจะต้องรอให้ครบตามเงื่อนไขจึงจะเข้าเทรด การที่เทรดเดอร์รอจนครบตามเงื่อนไขแล้วจริงๆก่อนเข้าเทรด จะช่วยให้สามารถทำให้เห็นถึงสถิติของกลยุทธ์นั้นจริงๆโดยไม่มีปัจจัยทางด้านอื่นๆมาเกี่ยวข้องด้วย

Indicator ที่ใช้

ชื่อ Indicator จุดเด่น
Stochastic (14-3-3) บอก Overbought (ภาวะเมื่อมีการซื้อมากเกินไป) และ Oversold (ภาวะเมื่อมีการขายมากเกินไป)
EMA 200 ใช้ระบุแนวโน้มของตลาดว่าราคานั้นกำลังเป็น Trend ขาขึ้นหรือขาลง
RSI สามารถระบุสัญญาณการกลับทิศทางของราคา

เงื่อนไขการเข้าเทรด

  • ดูภาพรวมของกราฟภาพใหญ่
  • สังเกตแน้วโน้มของกราฟด้วย Indicator EMA200
  • หาจุดเข้าเทรดภาพใหญ่จาก RSI
  • หาจุดเข้าเทรดในภาพเล็กลงด้วย Stochastic

วิเคราะห์กราฟเชิงลึก

  • จากรูปจะเห็นได้ว่ากราฟกำลังมีแนวโน้มเป็นขาลงสังเกตได้จาก
    • High มีระดับที่ต่ำลง
    • Low มีระดับที่ต่ำลง
    • แท่งเทียนปิดตัวอยู่ใต้กราฟ EMA200
  • Stochastic มีการตัดกันจะสังเกตได้ว่ามีระดับที่ต่ำลงมา
  • RSI อยู่ในระดับต่ำ
  • แท่งเทียนแตะเส้น EMA200 ใช้มองเป็นแนวต้าน

Stanley Cruz – Trading

https://youtu.be/K3I4JsVLwDE?si=k5k5Uef4Z7hVfigr

จุดเด่นของช่อง

  • Indicator ใหม่ๆ : ภายในช่องเป็นแหล่งรวมกลยุทธ์ต่างๆมากมาย รวมไปถึง Indicator ใหม่ๆ ที่เทรดเดอร์หน้าใหม่อาจไม่คุ้นเคยและไม่เคยเห็นมาก่อน ดังนั้นการที่มีแหล่งความรู้มากมายภายในช่องที่สามารถให้เทรดเดอร์หน้าใหม่หรือเทรดเดอร์ที่ต้องการหาความรู้เพิ่มเติม ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมาก
  • มีการอธิบายที่เรียบง่าย : การสอนที่เรียบง่ายและค่อยเป็นค่อยไป จะช่วยให้สามารถเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อมีการสอนที่ค่อยเป็นค่อยไปและเรียบง่าย จะทำให้พัฒนาการเรียนรู้ไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะเทรดเดอร์มีสื่อที่ดีและเข้าใจง่าย อะไรที่ผ่านการเรียบเรียงและคัดสรรมาอย่างเป็นขั้นตอนย่อมจะทำให้พัฒนาได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • อธิบายแต่ละการเข้าเทรดอย่างละเอียด : แต่ละครั้งที่มีการเทรดได้มีการอธิบายเหตุผลและเงื่อนไขการเข้าเทรดว่าเพราะอะไรจังหวะนี้ถึงทำการเข้าเทรด การที่มีคำอธิบายแต่ละไม้ที่เข้าเทรด ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขใน Indicator ต่างๆ ที่เป็นเหตุผลในการเข้าเทรดในแต่ละครั้งหรือว่าจะเป็นการดูลักษณะของแท่งเทียน การที่มีคำอธิบายสามารถทำให้เทรดเดอร์เข้าใจมากยิ่งขึ้น

ข้อควรระวัง

  • Indicator ที่ต้องเรียนรู้ใหม่ : การเรียนรู้ Indicator ใหม่ๆ นอกจากจะเป็นสิ่งที่ดีแล้ว ยังเป็นสิ่งที่ต้องระวังอีกด้วย เป็นเพราะว่าหากทำการเข้าเทรดจริงแล้วไม่มีความรู้ที่มากพอ หรือไม่มีความเข้าใจที่มากพอ อาจทำให้เกิดการขาดทุนได้ในที่สุด
  • ใช้เวลาในการทำความเข้าใจ : การใช้เวลาในการทำความเข้าใจใน Indicator ต่างๆ เป็นสิ่งที่ดีเพราะเป็นความรอบคอบของตัวเทรดเดอร์เอง หากรีบร้อนจนเกินไปและไม่ได้การคัดกรองเนื้อหาแล้วความรู้ไม่ได้มีการทดลองเทรดก่อนเข้าเทรดจริงก็อาจทำให้ขาดทุนในที่สุด การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์นั้นต้องอาศัยความเข้าใจ และต้องอาศัยเวลาทำความเข้าใจด้วยนั่นเอง
  • การทดลองใช้กลยุทธ์ : ก่อนเทรดจริงควรทดลองสิ่งที่ได้เรียนรู้มาเสียก่อน เพราะว่าหากไม่ได้มีการทดลองเทรด อาจทำให้มองไม่เห็นในจุดที่อาจเป็นข้อด้อยของแผนการเทรดนั้น แล้วก่อนจะรู้ตัวอีกที ก็อาจจะทำให้ขาดทุนไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่นการเทรดโดยใช้ RSI ในการดูภาพใหญ่ของกราฟ แต่เมื่อเทรดเดอร์หน้าใหม่ต้องการจะเข้าเทรดจริงโดยไวเลยนำ RSI ไปใช้โดยขาดความเข้าใจ เมื่อเห็นว่าถึงจุดที่ Overbought แล้วจึงทำการเล่นไม้ sell โดยที่ไม่ได้สังเกต Indicator ตัวอื่นประกอบถึงเป็นเหตุให้แพ้ในไม้นั้นในที่สุด

Indicator ที่ใช้

ชื่อ Indicator จุดเด่น
EMA (50) ใช้ระบุแนวโน้มของตลาดว่าราคานั้นกำลังเป็น Trend ขาขึ้นหรือขาลง
CCI ระบุสภาวะของราคาเมื่อกราฟกำลังมีแรงซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)
Momentum สามารถช่วยระบุแนวโน้มของราคาได้ว่ากราฟกำลังเป็นขาขึ้นหรือขาลง

เงื่อนไขการเข้าเทรด

  • ดูภาพรวมของกราฟภาพใหญ่
  • สังเกตแน้วโน้มของกราฟด้วย Indicator EMA50
  • ดูระดับของ Momentum
  • หาจุดเข้าเทรดด้วย CCI

วิเคราะห์กราฟเชิงลึก

  • กราฟตัดเส้น EMA50 ลงมาเป็นสัญญาณขาลง
  • กราฟมีการชนเส้น EMA50 สังเกตเป็นจุดแนวต้านที่สำคัญ
  • มี High ที่ระดับต่ำลงมา
  • เหตุผลในการเทรดไม้นี้
    • เทรดเป็นขาขึ้นเพราะกราฟมีแนวโน้มที่จะขึ้นไปชนเส้น EMA50
    • CCI กำลังอยู่ในจุด Oversold และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น

Smart Trading With Simon

https://youtu.be/mFnq7uEguN0?si=hGWqTTi6vMpKWpA5

จุดเด่นของช่อง

  •  : เมื่อมีคุณภาพของคลิปที่ดีแล้ว ก็จะสามารถดึงดูผู้ชมให้สนใจเป็นเวลานานมากขึ้น หลายๆคนอาจจะไม่สังเกตแต่ลองสังเกตง่ายๆว่า หากเปรียบเทียบระหว่างช่องที่มีคุณภาพเสียงดี และมีภาพที่ชัดเจนอาจมีการจัดไฟให้สวยงามมากขึ้น เปรียบเทียบกับช่องที่ภาพไม่ชัดแล้วเสียงแตกฟังไม่ชัดเจนไม่สามารถฟังออกได้ แน่นอนว่าคุณภาพของเนื้อหาเป็นอีกส่วนที่ต้องดูแยกออกมา แต่หากมองในแง่ของความเป็นจริงแล้วคนเราก็เลือกในสิ่งที่อาจจะดูมีคุณภาพมากกว่าโดยที่ยังไม่ได้เข้าถึงเนื้อหา
  • เทคนิคการพูด : เมื่อมีคุณภาพเสียงที่ดีแล้ว อีกปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมคุณภาพของคลิปนั่นก็คือเทคนิคการพูดนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงการพูดหรือ คำที่เลือกใช้หากมีเทคนิคการพูดที่ดีแล้วจะช่วยให้เกิดความน่าฟังมากขึ้นนั่นเอง ยกตัวอย่างการพูดที่ดีง่ายๆ เช่น Podcast ต่างๆ ที่อาจไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งคุณภาพของทางด้านงานภาพ แต่จะเน้นไปทางของเทคนิคการพูดรวมไปถึงปัจจัยต่างๆที่จะช่วยทำให้น่าฟังมากขึ้น การทำคลิปสอนนั้นควรจะมีน้ำเสียงที่น่าฟัง เพื่อให้เทรดเดอร์ได้เข้าถึงเนื้อหา
  • ความเรียบง่ายของกลยุทธ์ : ภายในคลิปจะเน้นไปทางด้านของความเรียบง่ายเป็นหลักโดยใช้ Indicator ที่อาจจะไม่ได้มากมายนัก แต่อาศัยความเข้าใจในตัวของ Indicator นั้นรวมไปถึงความเข้าใจในปัจจัยต่างๆ ในการเทรดยกตัวอย่างเช่น ลักษณะของแท่งเทียนต่างๆ ที่ต้องมีความรู้พอสมควรจึงจะสามารถนำมาปรับใช้กับการเทรดที่ใช้ Indicator ที่อาจไม่ได้มากมายนัก
  • มีการอธิบายเหตุผลการเข้าเทรด : การเทรดในแต่ละครั้งมีการอธิบายถึงเหตุผล และยิ่งสำคัญอย่างมากในกรณีที่ไม่ได้มี Indicator ที่มากมายนัก มีการอธิบายถึงการเทรดโดยใช้การตี Zone แนวรับแนวต้านเพื่อหาจุดที่น่าเข้าเทรด รวมไปถึงการแยกระหว่างจังหวะที่น่าเข้าเทรดหรือไม่ควรที่จะเข้าเทรด

ข้อควรระวัง

  • อาศัยความรู้ Price Action : เนื่องจากอาศัย Indicator น้อยแน่นอนว่าจะต้องมีความรู้และความเข้าใจกราฟอยู่พอสมควร เพราะหากมีความรู้ที่ไม่มากพอจะมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะขาดทุนในที่สุดการเลือกใช้ Bollinger Bands เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องอาศัยความรู้ในเรื่องของแนวรับแนวต้าน เพราะเมื่อ Indicator ถึงจุดที่ต่ำที่สุดแล้วหากเป็นแนวต้าน และรวมไปถึงลักษณะแท่งเทียนที่บ่งบอกไปถึงจุดกลับตัว ก็สามารถที่จะทำกำไรได้นั่นเอง นี่เป็นเพียงตัวอย่างการประยุกต์ใช้ความรู้ Price Action มาใช้ประกอบกับ Indicator เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญขององค์ความรู้ที่ต้องมี
  • การบริหารเงินที่ดี : แน่นอนว่าในเมื่อแผนการเทรดใดจะต้องใช้ประสบการณ์ในการเทรดอย่างมาก การบริหารเงินก็เป็นเรื่องที่ตามมาติดๆ เป็นเพราะว่ากลยุทธ์การเทรดที่ดีต้องมาพร้อมกับการบริหารที่ดีตามไปด้วย จะเป็นปัจจัยเพื่อพัฒนาให้พอร์ตมีการเติบโตที่มั่นคงมากขึ้นหากมีทั้งสองควบคู่ไปด้วยกัน

Indicator ที่ใช้

ชื่อ Indicator จุดเด่น
Bollinger Bands สามารถช่วยระบุจุดกลับตัวของราคาได้และสามารถบอกแนวโน้มของราคาได้
Bulls Power บอกถึงแรงการซื้อขายในตลาด

เงื่อนไขการเข้าเทรด

  • ดูภาพรวมของกราฟภาพใหญ่
  • ใช้ Bollinger Bands ในการหาจุดเข้าเทรด
  • Bull Power ใช้เพื่อดูแนวโน้มของกราฟ

วิเคราะห์กราฟเชิงลึก

  • ลักษณะแท่งเทียนมีการยก Low เดิมอยู่ระดับที่สูงขึ้น
  • สังเกตแนวต้านจาก Indicator Bollinger Bands
    • เมื่อมีการชนเส้นของ Bollinger Bands แล้วแท่งเทียนกลับตัวขึ้น
  • จะหาจุดเข้าเทรดที่แม่นยำอย่างไร?
    • ดูลักษณะแท่งเทียนว่ามีแนวโน้มจะลงต่อหรือไม่
    • ดูการ Reject ของแท่งเทียน

สรุปใจความสำคัญ

เทคนิคของแต่ละช่องมีความแตกต่างกันออกไป ข้อดีและข้อเสียของแต่ละช่องก็ย่อมแตกต่างกันออกไปโดยาแต่ละช่องจะมีการสอนกลยุทธ์การเทรดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน Indicator รวมไปถึงการนำ Indicator หลายๆตัวมาประยุกต์ใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น

  • การดู EMA ที่ค่ามากขึ้น
  • การนำ Indicator CCI มาประยุกต์ใช้ดู Overbought Oversold
  • การใช้ Bollinger Bands มาดูเป็นจุดกลับตัวพร้อมกับดู Bull Power เพื่อดูแนวโน้มของภาพใหญ่