Michael Trader
https://www.youtube.com/watch?v=TmVM1bV5wYc
จุดเด่นของช่อง
- คลิปมีคุณภาพดีมาก: ภายในช่องมีคุณภาพคลิปที่ดีมากไม่ว่าจะเป็นภาพที่สวยคมชัดเจน และเสียงที่ทำให้เห็นได้ชัดว่าเจ้าของช่องลงทุนกับคุณภาพของคลิปช่วยให้น่าสนใจมากขึ้น
- มีการอธิบายรายละเอียด Indicator:
มีการอธิบาย Indicator แต่ละตัวอย่างละเอียดว่าในแผนการเทรดนั้น Michael ได้เลือก Indicator ตัวไหนเพราะอะไรและ Indicator เหล่านั้นทำหน้าที่อะไรบ้างในการวิเคราะห์กราฟ ทำให้ผู้ชมเห็นได้ว่า การที่จะวิเคราะห์กราฟได้ดีนั้นเริ่มต้นจากการเลือก Indicator เป็นอย่างแรก - มีเนื้อหาเหมาะสำหรับมือใหม่: Michael มีความใส่ใจต่อเทรดเดอร์มือใหม่หรือเทรดเดอร์ที่ต้องการหาความรู้ใหม่ๆอย่างมาก เพราะแต่ละคลิปนั้นตัวของ Michael มีการอธิบายรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน และอธิบายขั้นตอนเหมือนจับมือทำเลย ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการหา Indicator ว่าทำอย่างไรบ้างเริ่มตรงไหนค้นหาตรงไหนตั้งค่ายังไง จุดเด่นนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากเป็นเพราะว่าจะทำให้เทรดเดอร์ที่อาจจะเป็นมือใหม่ หรือเป็นผู้ที่ต้องการหาความรู้ใหม่ๆ ได้รับความรู้ที่ครบถ้วน
- เทคนิคการพูดที่ดี: สามารถทำให้เทคนิคที่เทรดเดอร์หน้าใหม่อาจมองว่ามีความซับซ้อนนั้น สามารถสรุปให้เข้าใจได้ง่ายมากๆ เทรดเดอร์หน้าใหม่สามารถทำตามได้เลย
ข้อควรระวัง
- ต้องมีการทดลองเทรดก่อนเทรดจริง: การที่เทรดเดอร์มือใหม่ได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ จำเป็นที่จะต้องทดลองใช้แผนการเทรดกับบัญชีทดลองก่อน เป็นเพราะว่าการทดลองเทรดก่อนนั้นจะทำให้สามารถมองเห็นที่สิ่งที่อาจจะมองข้ามไป ยกตัวอย่างเช่น การเทรดด้วยแผนการเทรดนั้นอาจจะไม่เหมาะกับตัวเองเป็นเพราะว่าซับซ้อนเกินไปและชวนให้ปวดหัว การที่ทดลองโดนไม่ใช้เงินจริงในการเข้าเทรดสามารถเป็นสิ่งที่ทำให้ลดการขาดทุนโดยที่ไม่จำเป็นนั่นเอง
เหมาะกับใคร?
- เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการรู้รายละเอียดของตัว Indicator เพราะมีกาอธิบายที่ละเอียดมากๆเหมาะกับการหาความรู้ใหม่ๆ เพราะการที่ได้รับความรู้ที่ถูกต้องและครบถ้วนจะทำให้เทรดเดอร์นั้นพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Indicator ที่ใช้
ชื่อ Indicator | จุดเด่น |
Vortex (14) | ใช้ในการวิเคราะห์ทิศทางและความแรงของแนวโน้มของตลาด |
MACD (12-26-9) | ใช้วิเคราะห์แนวโน้มภาพรวมของกราฟ |
Fractal (5) | ช่วยระบุสัญญาณการกลับตัวของกราฟ |
ZigZag (15-2-3) | ใช้เป็นเครื่องมือหาจุดกลับตัวของกราฟ |
Vortex ทำงานอย่างไร?
Vortex Indicator บอกสัญญาณการเข้าเทรด
- สัญญาณซื้อ (Bullish Signal): เกิดขึ้นเมื่อเส้น VI+ (Positive Vortex Indicator) ตัดขึ้นเหนือเส้น VI- (Negative Vortex Indicator)
- สัญญาณขาย (Bearish Signal): เกิดขึ้นเมื่อเส้น VI- (Negative Vortex Indicator) ตัดขึ้นเหนือเส้น VI+ (Positive Vortex Indicator)
จุดเด่นเพิ่มเติมของ Vortex Indicator
- การตอบสนองเร็ว: มีความไวในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา ทำให้สามารถจับแนวโน้มได้รวดเร็ว ถือว่าเป็นข้อดีข้องเทรดเดอร์ที่ต้องการความรวดเร็วในการหาจังหวะการเข้าเทรด การที่มีหลายจุดที่สามารถเข้าเทรดได้ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบให้เหล่าเทรดเดอร์ เพื่อที่จะสามารถพิจารณาเข้าเทรดร่วมกับ Indicator อื่นๆ
- ใช้ดูแนวโน้มหลักของกราฟ: นอกจากการบอกทิศทางแล้ว VI ยังสามารถใช้ดูแนวโน้มได้ด้วย โดยดูจากค่าของ VI+ (Positive Vortex Indicator) และ VI- (Negative Vortex Indicator) ถ้าเส้นทั้งสองห่างกันมากแสดงว่าแนวโน้มมีความแข็งแรงมากนั่นเอง
การใช้ Vortex Indicator ร่วมกับเครื่องมืออื่น
- Moving Averages : เพื่อยืนยันสัญญาณที่ได้รับจาก VI
- RSI (Relative Strength Index) : เพื่อประเมินภาวะ Overbought หรือ Oversold เพื่อที่จะให้สามารถมองภาพรวมของกราฟได้ สามารถทำให้เทรดเดอร์กำหนด Zone ที่มีความน่าจะเป็นที่จะทำกำไรได้ ยกตัวอย่างเช่น ใช้ RSI เพื่อหาจุดที่น่าเทรดในภาพใหญ่ เมื่อถึง Zone ที่หน้าเข้าเทรดไม่ว่าจะเป็น Overbought หรือ Oversold เทรดเดอร์สามารถใช้ Vortex เพื่อหาจุดเข้าเทรดที่แม่ยำมากขึ้น
- MACD (Moving Average Convergence Divergence) : เพื่อระบุแนวโน้มในระยะยาว
ตัวอย่างเงื่อนไขการเข้าเทรด
เงื่อนไขการเทรด (Call)
- สังเกตกราฟภาพใหญ่โดยสามารถคัดกราฟที่น่าเข้าเทรดได้ด้วย ZigZag เพราะสามารถดูได้ทันทีเลยว่ากราฟกำลังเป็นลักษณะอย่างไร ราคาสูงสุดของกราฟอยู่ต่ำกว่าเดิมรึเปล่า? ก็สามารถสังเกตได้จาก ZigZag เมื่อสามารถคัดกราฟได้แล้วทำการดูตัวของ Fractal ว่ามีสัญญาณยืนยันอีกจุดหรือไม่ เพราะจะช่วยเป็นจุดยืนยันอีกจุด จากกราฟจะสังเกตได้ว่ากราฟกำลังจะกลับตัวดูได้จาก ZigZag รวมกับสัญญาณจาก Fractal พอดีเลยสามารถคาดการณ์ได้ว่ากราฟกำลังจะมีการกลับตัวขึ้นมา
- มีการตัดกันของเส้น MACD (Moving Average Convergence Divergence) ทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่ากราฟสามารถกลับตัวขึ้นไปได้
- Vortex มีการตัดกันทำให้สามารถมองได้ว่ากราฟกำลังจะเปลี่ยนเทรนด์ รวมกับปัจจัยข้ออื่นๆทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่ากราฟกำลังจะเปลี่ยนเทรนด์นั่นเอง
เงื่อนไขการเทรด (Put)
- จะสังเกตได้จาก ZigZag ว่าจุดที่ราคาสูงสุดอยู่ต่ำกว่าเดิมแสดงว่าราคามีการปรับตัวลงมา เมื่อสามารถคัดกราฟได้แล้วทำการดูตัวของ Fractal ว่ามีสัญญาณยืนยันอีกจุดหรือไม่ เพราะจะช่วยเป็นจุดยืนยันอีกจุด จากกราฟจะสังเกตได้ว่ากราฟกำลังจะกลับตัวดูได้จาก ZigZag รวมกับสัญญาณจาก Fractal พอดีเลยสามารถคาดการณ์ได้ว่ากราฟกำลังจะมีการกลับตัวลงไปนั่นเอง
- มีการตัดกันของเส้น MACD (Moving Average Convergence Divergence) ทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่ากราฟสามารถกลับตัวลงไป
- Vortex มีการตัดกันทำให้สามารถมองได้ว่ากราฟกำลังจะเปลี่ยนเทรนด์ เมื่อเห็นได้ว่ากราฟกำลังกลับตัวอีกปัจจัยที่สำคัญคือการดูลักษณะแท่งเทียนจะเห็นได้ว่าเมื่อมีสัญญาณ Fractal ทำการรอดูลักษณะแท่งเทียนว่าลักษณะของแท่งเทียนเป็นอย่างไรจากกราฟจะเห็นได้ว่าแท่งเทียนมีแรงขายที่แข็งแรงจึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถยืนยันเทรนด์ได้
Fxhypez
https://www.youtube.com/watch?v=fZ4Xy0fO2vM
จุดเด่นของช่อง
- อธิบายละเอียดแต่เข้าใจง่าย: ในคลิปมีการอธิบายในตัวของ Indicator โดยที่มีรายละเอียดที่ค่อนข้างลึกไม่ว่าจะเป็นการอธิบายว่าแต่ละเส้นมีหลักการทำงานอย่างไร แต่ก็สามารถย่อยเนื้อหาที่มีความยากให้เข้าใจได้ง่ายๆ มีการทำสื่อการสอนที่อธิบายได้อย่างละเอียดครบถ้วน ถือเป็นสิ่งที่ดีต่อเทรดเดอร์หน้าใหม่ที่ต้องการหาความรู้
- ลงลึกเงื่อนไขการเข้าเทรด: เงื่อนไขการเข้าเทรดนั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Indicator ตัวไหนหากเข้าใจเงื่อนไขของการเข้าเทรดก็จะสามารถทำกำไรได้ มีการอธิบายเงื่อนไขการเข้าเทรดเป็นขั้นเป็นตอนเทรดเดอร์สามารถเข้าใจได้ง่าย
ข้อควรระวัง
- ต้องมีการบริหารเงินที่ดี: แน่นอนว่าเทรดเดอร์ทุกคนต้องมีการบริหารเงิน เพราะหากไม่มีการบริหารเงินที่ดีแล้วจะทำให้เกิดผลเสียตามมายกตัวอย่างเช่น เกิดผลเสียทางอารมณ์ทำให้หงุดหงิดหรือหัวร้อน และยิ่งพึ่งพา Indicator เพียงตัวในการเทรดยิ่งต้องระวังและต้องอาศัยการบริหารเงินที่ดี แน่นอนว่าไม่ผิดเลยที่จะใช้ Indicator เพียงตัวเดียวแต่ต้องมีความระมัดระวังในการเทรดแต่ละไม้
เหมาะกับใคร?
- เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ไม่ต้องการดู Indicator เยอะๆ
- Indicator ที่ใช้
ชื่อ Indicator | จุดเด่น |
Ichimoku Cloud (9-26-52-26) | ใช้สำหรับการวิเคราะห์เทรนด์ได้ดี |
Ichimoku Cloud ทำงานอย่างไร?
Ichimoku Cloud เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราดูแนวโน้มของราคา เส้นต่างๆอาจทำให้เทรดเดอร์เกิความสับสนได้แต่ถ้าหากลองสังเกตดีๆแล้ว เส้นต่างๆเหล่านั้นก็ล้วนมีหน้าที่เป็นของตัวเอง ส่วนประกอบและหน้าที่ของ Ichimoku Cloud มีดังนี้
ส่วนประกอบของ Ichimoku Cloud | หน้าที่ |
Kijun-sen (เส้น Base) | ใช้ดูแนวโน้มระยะยาว |
Tenkan-sen (เส้น Conversion) | ใช้ดูแนวโน้มระยะสั้น |
Senkou Span A (เส้นนำ A)
Senkou Span B (เส้นนำ B) |
ใช้เป็นอีกส่วนหนึ่งของ Cloud (เมฆ) เพื่อดูเพื่อเทรนด์หลังของกราฟ |
Chikou Span (เส้น Lagging) | ใช้ดูแนวโน้ม ถ้าเส้นนี้อยู่เหนือกราฟราคาแสดงว่าแนวโน้มเป็นขาขึ้น ถ้าอยู่ต่ำกว่าก็แสดงว่าเป็นขาลง |
การวิเคราะห์ Ichimoku Cloud แบบง่าย ๆ
เมฆ (Cloud) : คือพื้นที่ระหว่าง Senkou Span A และ B
-
- ถ้าราคาอยู่เหนือเมฆ แนวโน้มเป็นขาขึ้น
- ถ้าราคาอยู่ต่ำกว่าเมฆ แนวโน้มเป็นขาลง
- ถ้าราคาอยู่ในเมฆ แนวโน้มไม่ชัดเจน
เส้น Conversion และเส้น Base
-
- ถ้า Tenkan-sen (เส้น Conversion) ตัดขึ้นเหนือ Kijun-sen (เส้น Base) แสดงว่าราคากำลังปรับตัวขึ้นเทรดเดอร์สามารถ Call ในจังหวะนี้ได้
- ถ้า Tenkan-sen (เส้น Conversion) ตัดลงต่ำกว่า Kijun-sen (เส้น Base) แสดงว่าราคากำลังปรับตัวลงเทรดเดอร์สามารถ Put ในจังหวะนี้ได้
ประโยชน์และข้อควรระวัง
ประโยชน์ | ข้อควรระวัง |
ช่วยดูแนวโน้มได้อย่างรวดเร็ว | อาจไม่แม่นในตลาดที่เคลื่อนไหวไม่ชัดเจนหรือผันผวนมาก |
ให้สัญญาณซื้อและขายที่ชัดเจน | ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นเพื่อความแม่นยำ |
ดูระดับแนวรับแนวต้านได้ | เทรดเดอร์ที่มีมีความเข้าใจมากพออาจก่อให้เกิดความสับสนได้ |
ตัวอย่างเงื่อนไขการเข้าเทรด
เงื่อนไขการเทรด (Call)
- จะสังเกตได้ว่ากราฟมีการย่อตัวลงมาและมีการพักตัว และสามารถสังเกตได้ว่าTenkan-sen (เส้น Conversion) กำลังจะตัดขึ้นเหนือ Kijun-sen (เส้น Base) แสดงว่าราคากำลังปรับตัวขึ้น
- กราฟอยู่เหนือตัวของ Cloud ทำให้สามารถเป็นอีกจุดยืนยันว่ากราฟกำลังเป็นเทรนด์ขาขึ้นที่แข็งแรง
เงื่อนไขการเทรด (Put)
- Tenkan-sen (เส้น Conversion) กำลังที่จะตัดลงต่ำกว่า Kijun-sen (เส้น Base) แสดงว่าราคากำลังปรับตัวลงต่อจะสังเกตได้ว่าลักษณะแท่งเทียนมี High ที่ต่ำกว่าเดิมเป็นอีกจุดยืนยันว่าราคากำลังจะมีการปรับตัวลงมานั่นเอง
Trader Ted – Binary Option Strategies
https://www.youtube.com/watch?v=f1onJLgbAPE
จุดเด่นของช่อง
- สอนการปั้นพอร์ตจากทุนน้อย: จุดเด่นของช่องคือการให้ความรู้เกี่ยวกับการปั้นพอร์ต เพราะการปั้นพอร์ตนั้นเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์จำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจเพราะเป็นสิ่งที่จำและสำคัญอย่างมาก ช่องนี้ให้ความสำคัญกับการปั้นพอร์ตจากทุนน้อยเป็นอย่างมากและให้ความรู้กับเทรดเดอร์หน้าใหม่เสมอ
- มีสัญญาณเทรดจาก Telegram: มีกลุ่ม Telegram เป็น Community เป็นแหล่งให้ความรู่ต่างๆแก่เหล่าเทรดเดอร์หน้าใหม่นอกจากนี้ยังมี Signal ให้เทรดเดอร์ได้ดูเพื่อเป็นแนวทางในการเทรดอีกด้วย
ข้อควรระวัง
- การรอจังหวะการเข้าเทรด: เนื่องจากมีทุนไม่มากนัก แต่ละไม้ที่เทรดจำเป็นอย่างมากที่จะต้องผ่านการวิเคราะห์เป็นอย่างดี
- การพึ่งพา Signal: แน่นอนว่าการที่มีสัญญาณเป็นตัวช่วยในการเทรดเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็เหมือนเป็นดาบสองคมในเวลาเดียวกัน เพราะว่าเทรดเดอร์จะไม่ได้รู้เหตุผลในการเข้าเทรดในแต่ละไม้เลย การที่รู้เหตุผลในการเข้าเทรดแต่ละไม้นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญต่อตัวเทรดเดอร์อย่างมาก เพราะจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เทรดเดอร์มีการพัฒนาขึ้นและเป็นประสบการณ์ของตัวเทรดเดอร์เอง
เหมาะกับใคร?
- เหมาะกับเทรดเดอร์ที่อาจมีทุนไม่มากเน้นการปั้นพอร์ตจากทุนน้อยๆให้มีมากขึ้น ด้วยความรู้จากช่องนี้จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปั้นพอร์ตให้โตมากยิ่งขึ้นและยังสะดวกต่อเทรดเดอร์เพราะยังมี Signal เป็นตัวช่วยให้พิจารณาการเข้าเทรดในแต่ละครั้ง แต่เทรดเดอร์ก็ต้องคอยระวังและบริหารความเสี่ยงของพอร์ตอยู่เสมอเพื่อ
Indicator ที่ใช้
ชื่อ Indicator | จุดเด่น |
Keltner (20-5) | ช่วยในการระบุแนวโน้มของตลาดได้ดี |
RSI (14) | ระบุสภาวะOver Bought (สภาวะการซื้อที่มากเกินไป) Oversold (สภาวะการขายที่มากเกินไป) |
Fractal (5) | ช่วยระบุการกลับตัวของกราฟ |
ตัวอย่างเงื่อนไขการเข้าเทรด
เงื่อนไขการเทรด (Call)
- จะสังเกตได้ว่าลักษณะแท่งเทียนก่อนหน้าจะมีการย่อตัวลงมาใกล้เคียงกับเส้นกลางของ Keltner แล้วจึงกลับตัว
- เมื่อกราฟมีการย่อตัวลงมาใกล้กับเส้นกลางของ Keltner แล้วรอสัญญาณการเข้าเทรดจาก Fractal มาเป็นอีกจุดยืนยันการเข้าเทรด
- ค่า RSI กำลังลงไปถึงจุด Oversold (สภาวะการขายที่มากเกินไป) เลยทำให้มีความน่าจะเป็นที่กราฟจะมีการกลับตัวเพิ่มขึ้น รวมกับปัจจัยอื่นๆที่มาคอยสนับสนุนจุดเข้าเทรด
เงื่อนไขการเทรด (Put)
- ลักษณะกราฟมีแรงซื้อที่ไม่ได้มากจะสังเกตได้จากแท่งเทียนก่อนหน้าที่เมื่อมีการชนเส้นกลางของ Keltner และมีการกลับตัวลงมาโดยที่ลักษณะแท่งเทียนเป็นแท่งเทียนที่มีแรงขายที่มาก
- แท่งเทียนก่อนหน้ามีสัญญาณ Fractal เป็นสัญญาณขายรวมกับลักษณะของแท่งเทียนที่เมื่อชนเส้นกลางของ Keltner ลักษณะแท่งเทียนมีแรงขายที่มากจึงทำการ Put ในจุดนั้น
- RSI เป็นลักษณะที่สามารถลงต่อไปได้ถึงจุด Oversold (สภาวะการขายที่มากเกินไป) จึงทำการเทรดตามเทรนด์เพราะยังสามารถเห็นได้ว่ากราฟมีแรงขายที่เยอะและสามารถลงต่อไปได้
สรุปใจความสำคัญ
การนำเทคนิคต่างๆมาประยุกต์ให้เข้ากันนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่หัวใจหลักของการนำเทคนิคต่างๆมาประยุกต์ใช้นั้นคือความเข้าใจในตัวของ Indicator นั้นๆเพราะถ้าเรามีความเข้าใจที่มากพอก็จะสามารถทำให้เทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพยกตัวอย่างง่ายๆเช่น เทรดเดอร์มีความเข้าใจในตัวของ Fractal ก็สามารถนำไปเป็นตัวยืนยันจุดเข้า เทรดกับ Indicator อื่นๆได้ จะเห็นได้ว่าแผนการเทรดนั้นไม่จำเป็นต้องตายตัวเสมอไป สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเข้าใจของตัวเอง เพราะแผนการเทรดที่ดีนั้นคือแผนที่เทรดเดอร์มีความเข้าใจที่สุดนั่นเอง