ไบนารี่ออฟชั่น เป็นการลงทุนหรือเป็นการพนัน เทรดแบบไม่พนันต้องทำยังไง

การเทรด Binary Option เป็นหารเทรดที่ผู้ลงทุนต้องวิเคราะห์ทิศทางของราคาว่าจะสินทรัพย์ที่เลือกจะมีราคาที่มากขึ้นหรือน้อยลงในตามเวลาที่ผู้ลงทุนกำหนด ซึ่งกล่าวการเทรดแบบ Binary Option นั้นสามารถเข้าถึงและสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายต่อการเข้าเทรด ดังนั้นเมื่อสามารถเข้าถึงได้ง่ายอาจก่อให้เกิดการเข้าไปในตลาดโดยที่มีความรู้ที่ไม่มากพอขาดการทำความเข้าใจในตลาดนี้เพราะว่าตลาด Binary Option นั้นต่างจากตลาดทั่วหากเข้าไปเทรดโดยไม่มีความรู้และความชำนาญและประสบการณ์ที่มากพอ ก็เช่นเดียวกับการเทรดตลาดอื่นๆหากมีมีความรู้ที่มากพออาจะเกิดการขาดทุนได้ แต่หากมีความรู้และประสบการณ์ที่มากพอในเรื่องของ Price Patternก็สามารถเข้าเทรดได้ในตลาดนี้โดยมีระบบ Fixed Time ที่เป็นปัจจัยหลักในการทำกำไร

 

ระบบ Fixed Time

ระบบ Fixed Time ใน Binary Option ลักษณะเป็นการทำการเทรดในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยมักจะกำหนดเวลาในการทำการเทรดอย่างแน่นอน เช่น 30 วินาที, 1 นาที, 5 นาที, 15 นาที เป็นต้น ในระบบ Fixed Time นี้ ผู้ลงทุนจะต้องทำการทำนายว่าราคาของสินทรัพย์ว่าขึ้นหรือลงภายในช่วงเวลาที่กำหนด และกำหนดเวลาสิ้นสุดของการเทรดล่วงหน้าไว้ล่วงหน้าด้วย โดยหากผู้ลงทุนสามารถวิเคราะห์ราคาของสินทรัพย์ถูกผู้ลงทุนก็จะได้รับ เปอร์เซ็นต์ผลตอบแทน หรือที่เรียกว่า Return Of Investments แต่ถ้าหากผู้ลงทุนวิเคราะห์ราคาผิดพลาดผู้ลงทุนก็จะเสียเงินทุนที่นำมาเข้าเทรดทั้งหมด นี่คือระบบ Fixed Time จะเห็นได้ว่าหากวิเคราะห์ถูกก็จะสามารถทำกำไรได้แต่ถ้าหากวิเคราะห์ผิดเงินตรงนั้นก็จะหายไปโดยจึงสรุปได้ว่า การที่ผู้ลงทุนจะอยู่รอดในตลาด Binary Option ได้นั้นผู้ลงทุนต้องเข้าใจใน กราฟ หรือ Pattern เสียก่อนและสามารถเข้าเทรดในราคาที่แม่นยำในระดับนึงเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้

หลักสำคัญในการเทรดในตลาด Binary Option

หลักสำคัญในการเข้าเทรดในตลาด Binary Option หลักๆมีอยู่ 2 แบบ คือ Mindset และ Technical

นักลงทุนทุกคนจำเป็นที่มีความรู้ลึวามเข้าใจในทั้ง 2 เรื่องอย่างลึงซึ้งและคงไว้อย่างสม่ำเสมอไม่ลืมหลักการทั้งสองไว้ เพราะว่า Mind Set และ Technical ก็สำคัญไม่แพ้กันหาก ผู้ลงทุนมี Mind set ที่ถูกมีความเข้าใจทางด้าน Money Management สามารถควบคุมอารมณ์ได้ (No Emotional Trading) บริหารเงินในพอร์ตที่มี และเช่นเดียวกัน หากมีความรู้ในด้าน Technical ไม่ว่าจะเป็น Price Action , Pin bar Strategy หรือ Strategy ต่าง

ก็จะสามารถทำให้วิเคราะห์กราฟได้แม่นยำมากขึ้นหากมีความรู้และประสบการณ์มรตลาด และสำคัญอย่างยิ่งในตลาด Binary Option เพราะการเข้าเทรดทำกำไรในตลาดนี้จำเป็นจะต้องมีความรู้และความชำนาญในด้านของการวิเคราห์กราฟเป็นอย่างมาก

ทั้งสองปัจจัยนั้นล้วนมีความสำคัญเป็นอย่างมากในตลาด Binary Option เพราะหากขาดปัจจัยๆหนึ่งแล้วก็จะทำให้ไม่สามารถเข้ามาทำกำไรในตลาดนี้ได้อย่างเต็มตัว เพราะหากไม่มีการ Money Management หรือการบริหารทรงการเงินที่ดีแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะหาแฟนการเทรดได้ไม่สามารถหาแผนการเทรดที่เข้ากับตัวผู้ลงทุนไม่รู้ว่าจุด Take Profit และ Stop Loss ของตัวเองอยู่ตรงไหนและที่สำคัญหากมีอารมณ์เข้ามาเกี่วยวข้องกับการเทรด

(Emotional Trade) ก็จะเป็นผลเสียอย่างมากกับการเทรดไม่ว่าจะอยู่ในตลาดไหนแต่ถ้าหากนำอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอาจนำไปสู่การขาดทุนที่ไร้ซึ่งเหตุผลได้ และเช่นเดียวกับ Mindset หากขาดความรู้ทางด้าน Technical ที่มากพอก็ไม่สามารถที่จะเข้ามาทำกำไรในตลาดนี้ได้เพราะว่าตลาด Binary Option ต้องอาศัยการวิเคราะห์กราฟและการเข้าเทรดที่แม่นยำเพื่อการทำกำไรหากขาดความรู้ก็เหมือนกับการเข้าเทรดในตลาดอื่นหากขาดความรู้ก็สามารถทำให้ขาดทุนได้มหาศาล

Mindset

การใช้ Mindset ในการเทรดเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในตลาดซื้อขายต่างๆเพราะการที่ผู้ลงทุนมี Mindset ที่ดีแล้วจะช่วยทำให้การลงทุนดีขึ้นไปอีกระดับหนึ่งการปรับ Mindset ของตัวเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการเริ่มเทรดไม่ว่าจะเป็นตลาดไหนก็ตามดังนั้นจึงควรเริ่มต้นที่มี Mindset ที่ดีก่อนเป็นอันดับแรก

 

การควบคุมอารมณ์

การคุมอารมณ์หรือการเทรดแบบ No Emotional Trade เป็นสิ่งท่ำคัญเป็นอย่างมากไม่แพ้ Strategy

การวิเคราะห์กราฟ ของการเทรดเลยทีเดียว เพราะว่าการเทรดโดยที่ไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวนั้นเป็นเหมือน Strategy หลักในการบริหารพอร์ตเพราะถ้าผู้ลงทุนมีสติและเข้าเทรดแบบไม่ใช้อารมณ์ ใช้การวิเคราะห์ในการเข้าเทรด ไม่ Over Trading ใช้เหตุผลและสังเกต Price Action ของกราฟนั้น ก็จะเป็นผลดีต่อพอร์ตและสถิติการเทรด

การ Money Mangement

การ Money Management ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักของการเทรดในทุกๆตลาดหรือการลงทุนในๆหลายๆประเภทเพราะว่าการบริหารเงินเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างมากเพราะว่าจะได้รู้ถึงความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนรับได้และรู้ถึงสถานะการณ์ทางการเงินของตนการนำ Money Mangement มาปรับใช้กับการเทรดควรใช้เงินลงทุนที่เป็นเงินเย็นหรือเงินที่แบ่งไว้เพื่อการลงทุนเพราะว่าเหมือนกับที่ทุกๆคนบอกมาอย่างตลอดทุกการลงทุนมีความเสี่ยง

การจดบันทึก Statistic

เพราะว่าการเทรด Binary Option เป็นการเทรดแบบเล่นทีละไม้ๆเพราะเช่นนั้นหากทำการจดบันทึก

จะเป็นผลดีต่อการเทรดเป็นอย่างมากเพราะทำให้รู้ถึง Winrate ของตัวเองซึ่งถือว่า เปอร์เซ็นต์ Winrate สำคัญเป็นอย่างมากในการตัดสินใจเทรดต่อหรือไม่ในสภาพกราฟของวันนั้นแต่ ที่สำคัญมากกว่านั้นคือ การบริหารจัดการลงทุนในแต่ละไม้ เพราะหากผู้ลงทุนมี Winrate ที่ดีมากแต่หากขาดการบริหารทางการเงินที่ดีเช่น อาจมีการเทรดที่วิเคราะห์ถูกในหลายๆไม้และเพิ่มขนาดไม้ไปเรื่อยๆเพราะต้องการทำกำไรมากขึ้น หลังจากนั้นเกิดความผิดพลาดในกสนลงทุนครั้งนั้นอาจวิเคราห์ผิดพลาดหรืออาจเป็นเพราะการเทรดที่ใช้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อ เปอร์เซ็นต์ Winrate ของพอร์ตดีมาก แต่หากเกิดการขาดทุนก็อาจไม่เป็นผลดีต่อพอร์ตมากนักดังนั้นจึงควรบริหารการเงินหรือกล่าวได้ว่าการทำ Money Management และการควบคุมอารมณ์ต่อการเข้าเทรดสำคัญกว่า Winrate ในตลาด Binary Option 

Strategy เบื้องต้นในการเข้าทำกำไร

Trend

 Up trend : เป็นแนวโน้มที่ราคาที่เพิ่มขึ้นตามเวลา มีการซื้อเพิ่มขึ้นมากขึ้นกว่าการขาย นักลงทุนมักจะพยายามจะเข้าทำธุรกรรมในทิศทางเดียวกับแนวโน้มนี้เพื่อกำไร 

 

Down trend : เป็นแนวโน้มที่ลดลงตามเวลา ซึ่งแสดงถึงความอ่อนแอของสกุลเงินนั้น ๆ เมื่อมีการขายมากกว่าการซื้อ นักลงทุนอาจพยายามจะทำธุรกรรมในทิศทางข้างตรงกันข้ามเพื่อทำกำไร

 

Sideways : เป็นแนวโน้มที่ราคาขึ้นลงอยู่ระหว่างระดับราคาที่แน่นอน ไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ การซื้อและขายสามารถทำได้ในระหว่างช่วงราคานี้โดยไม่มีแนวโน้มชัดเจน

 

Sideways Up : Trend ของตลาดที่มีลักษณะผสมระหว่าง sideways และ Up Trend

 

Sideways Down : Trendของตลาดที่มีลักษณะผสมระหว่าง sideways และ Down Trend

เมื่อรู้จักกับ Trend และสามารถแยก Trend ออกแล้วผู้ลงทุนก็สามารถทำกำไรได้หลากหลายวิธีทั้ง การเข้าเทรดตามเทรน หรือหาจุดกลับตัว Pivot Point หรือ หาจุด Breakout เพื่อเข้าเทรดในการทำกำไร ผู้ลงทุนที่สามารถทำกำไรในทุกสภาวะของราคาและสามารถแยกแยะ Trend ออกได้จะสามารถเป็นตัวเริ่มต้นในการหา Strategy ของตนเองเพื่อใช้เข้าเทรดเพื่อทำกำไร

Down Theory

Dow Theory เป็นหลักการพื้นฐานในการวิเคราะห์ตลาดทุกประเภท ถูกพัฒนาโดย Charles Dow ซึ่งเป็นบรรดานักเศรษฐศาสตร์และนักข่าวที่มีชื่อเสียงในตลาดการเงินในต้นศตวรรษที่ 20 หลักการ Dow Theory เป็นพื้นฐานสำคัญในการวิเคราะห์และทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดหลัก ๆ อย่างหุ้น และ ตลาดเงินทุน

หาจุด Breakout

หาแนวรับแนวต้าน : ในการค้นหาจุด Breakout แรกควรระบุระดับราคาที่สำคัญ โดยรวมถึงระดับการต้านทาน (Resistance) และระดับการสนับสนุน (Support) ที่มีผลกับการเคลื่อนไหวของราคา 

ติดตามการเคลื่อนไหวของราคา : เมื่อคุณระบุระดับราคาสำคัญแล้ว คุณควรติดตามการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อดูว่าราคากำลังทดสอบระดับนั้นหรือไม่ ถ้าราคากำลังเคลื่อนที่ใกล้ระดับที่สำคัญโดยไม่สามารถผ่านไปข้างหน้าได้ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าจุด Breakout อาจเกิดขึ้นใกล้ ๆ

การตรวจสอบความเชื่อมโยง: ตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาและปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาด เช่น ปริมาณการซื้อขาย แนวโน้มของตลาดรวม หรือเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ

การรอการยืนยัน: หลังจากที่ราคามีแนวโน้มที่สัมพันธ์กับระดับราคาสำคัญ คุณควรรอการยืนยันว่า Breakout จริง โดยการดูว่าราคาปิดที่ระดับราคาสำคัญและค้างไว้เป็นเวลานานหรือไม่ และควรระวังการทำการ False Breakout

การทำเข้าเทรด: เมื่อมีการยืนยัน Breakout คุณสามารถทำรายการซื้อหรือขายตามทิศทางที่ราคา Breakout อย่าลืมตั้ง Stop Loss ของพอร์ตตัวเอง เพื่อความปลอดภัยในกรณีการเกิด False Breakout

จากภาพจะเห็นได้ว่าเกิดการทำ Sideways Down จากนั้นทำการหาแนวรับแนวต้านแล้วเมื่อราคามาถึงแนวต้านแเกิดการ Breakout หรือการที่ทะลุแน้วต้านจึงเป็นจุดเข้าเทรดที่น่าเข้าทำกำไรได้เพราะว่ากลไกทางราคาเป็นไปในทางเดียวกัน

Pin bar Strategy

การซื้อขายด้วยกลยุทธ์ Pin Bar เป็นหนึ่งในวิธีการที่นักลงทุนใช้ในการวิเคราะห์และการซื้อขายในตลาดทุน กลยุทธ์นี้ใช้รูปแบบของแท่งเทียน Pin Bar เพื่อหาสัญญาณการซื้อหรือการขายในตลาด ดังนั้นนี่คือขั้นตอนที่ใช้ใน Pin Bar Strategy

Bullish Pin Bar

Bullish Pin Bar เป็นรูปแบบหนึ่งของแท่งเทียน (candlestick pattern) ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนของตลาดทุน เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโอกาสในการเริ่มต้นแนวโน้มขึ้น (bullish trend)

Bearish Pin Bar

Bearish Pin Bar เป็นรูปแบบหนึ่งของแท่งเทียน (candlestick pattern) ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนของตลาดทุน ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโอกาสในการเริ่มต้นแนวโน้มลดลง (bearish trend)

สรุปใจความสำคัญ

นอกจาก Mindset Money Management และ Strategy ต่างๆที่สำคัญแล้ว ยังมีปัจจัยที่สำคัญอย่างมากอีกอย่างหนึ่งคือการที่ไม่หยุดเทรด นำความรู้และประสบการณ์ที่ได้มาพัฒนาต่อยอด เรียนนู้จากสิ่งที่เคยผิดพลาดและที่สำคัญคือการไม่หยุดทำ เพราะถ้าหากหยุดเทรดก็จะตัดโอกาสในการทำกำไรของตนเอง