ไบนารีออฟชั่น (Binary Options) เป็นสัญญาซื้อขายที่มีลักษณะเป็นไปในรูปแบบของ ” ไบนารี ” หรือ “2 ทาง ” ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ซื้อต้องการที่จะเดาว่าราคาของสินทรัพย์หรือสิ่งของใดๆ จะขึ้นหรือลงในเวลาที่กำหนดหรือไม่ ในระยะเวลาที่กำหนดล่วงหน้า โดยทั่วไปแล้ว การทำงานของไบนารีออฟชั่นมักจะเกี่ยวข้องกับการทำนายเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์ ได้แก่ สินค้า, หุ้น, คู่เงิน, หรือดัชนี ในช่วงเวลาที่กำหนดล่วงหน้า เช่น 1 นาที, 1 ชั่วโมง การทำงานของไบนารีออฟชั่นทำให้มันเป็นวิธีที่รวดเร็วและสะดวกในการลงทุนสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่ไวและระดับความเสี่ยงที่ชัดเจน.
องค์ประกอบในการเทรดตลาด Binary Option
-
จำนวณเงินที่ต้องการจะลงทุนในครั้งๆหนึ่ง
เช่นเดียวกับการเทรดในตลาดทั่วไปเมื่อทำการเลือกซื้อหรือขายผู้ลงทุนต้องเลือกจำนวณเงินที่ต้องการจะลงทุนและหวังผลกำไรจาก เปอร์เซ็นต์ ROI (Return Of Investments) ยกตัวอย่างจากรูปภาพ
จากภาพจะเห็นได้ว่าเปอร์เซ็นต์ ROI (Return Of Investments) ของสินทรัพย์นี้คือ 89% ยกตัวอย่างเช่นหากนำเงินมาลงทุนในสินทรัพย์นี้ 100$ ผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนในการเทรด 89$ หากคาดดการทิศทางราคาถูกแต่ถ้าหากคาดการณ์ผิดหรือวิเคราะห์ผิดและเมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนดผู้ลงทุนจะสูญเงินจำนวณ 100$ ไปในทันที
ระยะเวลาที่กำหนด
การเทรดในตลาด Binary Option การกำหนดระยะเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากเพราะว่าหากกำหนดระยะเวลาผิดก็อาจทำให้ขาดทุนได้การกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมก็ถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่ควรให้ความสำคัญต่อการเทรดตลาดนี้
การเลือกทิศทางของราคา
การเลือกทิศทางของราคาคือหัวใจหลักของการเทรดในตลาด Binary Option ผู้ลงทุนต้องเลือกว่าสินทรัพย์ที่ต้องการจะลงทุนมีราคาที่อยู่สูงกว่าหรือต่ำกว่าปัจจุบันโดยหากวิเคราห์ถูกในระยะเวลาที่ผู้ลงทุนกำหนดก็จะสามารถทำกำไรและรับผลตอบแทนตามที่สินทรัพย์สินทรัพย์นั้นกำหนด
กลไกภาพรวมของการเทรด Binary Option
ไบนารีออฟชั่นมีที่มาที่มีต้นกำเนิดจากตลาดทางการเงินและการซื้อขายทางเงินลักษณะต่างๆโดยอ้างอิงกราฟ
เดียวกับตลาดการเทรดทั่วๆไป กลไกภาพรวมของตลาดและคุณสมบัติของตลาด Binary Option
- ความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ชัดเจน : ในการลงทุนในไบนารีออฟชั่น, ผู้ลงทุนทราบถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนที่จะได้ก่อนการทำการเทรด ซึ่งจะช่วยให้มีความสามารถในการวางแผนการลงทุนและการจัดการความเสี่ยงได้ดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น การที่เราเห็นผลตอบแทนในแต่ละสินทรัพย์ต่อการลงทุนในแต่ละครั้งหรือก็คือ Return Of Investments (ROI) ก็สามารถเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจในการคำนวณความเสี่ยงของตัวเราได้
- ระยะเวลาที่สามารถกำหนดได้ : การซื้อขายไบนารีออฟชั่นมักมีระยะเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า, เช่น 1 นาที, 1 ชั่วโมง ซึ่งทำให้มันเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่รวดเร็ว และกำหนดระยะเวลาในการเทรดของตนเองได้
- ลักษณะการทำงานเบื้องต้น: ในการซื้อขายไบนารีออฟชั่น, ผู้ลงทุนจะต้องเลือกว่าราคาของสินทรัพย์จะขึ้นหรือลง ถ้าการเดาถูกต้อง, พวกเขาจะได้รับกำไร ถ้าเดาผิด พวกเขาจะสูญเสียเงิน โดยมีเปอร์เซ็นต์ Return Of Investments (ROI) ระบุในการเทรดแต่ละครั้ง
- การลงทุนที่ต่ำ : บางกรณี การลงทุนในไบนารีออฟชั่นสามารถทำได้ด้วยเงินลงทุนที่น้อยกว่าการลงทุนในตลาดอื่นๆ. ยกตัวอย่างเช่น การเติมเงินเข้าไปใน พอร์ตก็สามารถเริ่มได้โดยจำนวณเงินที่น้อยๆก็สามารถทำกำไรจากการเทรดได้แล้วโดยจะได้ตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด
- ความสะดวกสบาย: การซื้อขายไบนารีออฟชั่นสามารถทำได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สะดวกและเข้าถึงง่ายและสารมารถรู้ผล P&L (Profit and loss) ได้อย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างสินทรัพย์ในตลาด Binary Option
- หุ้น (Stocks) : เป็นหุ้นของบริษัทที่มีการซื้อขายบนตลาดหุ้น
เช่น Google, Apple, Facebook เป็นต้น.
- คู่เงิน (Currency Pairs) : เป็นคู่เงินที่มีการซื้อขายบนตลาดฟอเร็กซ์
เช่น EUR/USD, GBP/JPY เป็นต้น.
- สินค้า (Commodities) : เป็นสินค้าที่มีการซื้อขายบนตลาดสินค้า
เช่น ทองคำ, น้ำมันดิบ, และเฉลี่ยเครื่องขัดผิว เป็นต้น.
- ดัชนี (Indices) : เป็นดัชนีที่แสดงสภาพความเป็นไปได้ของตลาดหลายประเภท เช่น S&P 500, Dow Jones Industrial Average เป็นต้น.
- Cryptocurrencies (คริปโตเคอร์เรนซี): เป็นสกุลเงินดิจิทัล
เช่น Bitcoin, Ethereum, Ripple เป็นต้น.
- อินเด็กซ์ (Stock Indices) : เป็นกลุ่มของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหรือภูมิภาคเฉพาะ เช่น Nasdaq Composite, FTSE 100 เป็นต้น.
การเทรดในตลาด Binary Option
การเทรดในตลาด Binary Option นั้นเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงและเป็นตลาดที่เรียกได้ว่าหากไม่มีความรู้และความเข้าใจมากพออาจไม่ต่างจากการพนันหากปราศจากความรู้โดยปัจจัยซึ่งนำไปสู่การประสบความสำเร็จในการเทรด Binary Option ปัจจัยหลักๆมีดังนี้โดยประมาณ
- ความรู้และการวิเคราะห์: การเข้าใจเกี่ยวกับตลาดที่คุณเทรดอยู่ และการทำการวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มของราคา องค์ประกอบเหล่านี้สำคัญอย่างมากในการตัดสินใจที่ถูกต้องในการเทรด Binary Option เพราะการที่มีความรู้และสามารถจดจำ Pattern ของกราฟก็จะสามารถสร้างความได้เปรียบในตลาดได้ต่างจากผู้ที่ไม่มีความรู้หากเข้ามาเทรดในตลาดนี้อาจทำให้ขาดทุนได้
- การจัดการเงิน : การจัดการเงินอย่างถูกต้องหรือการทำ Money Management เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเทรด โดยการกำหนดขนาดของการเทรดและการจำกัดความเสี่ยงในแต่ละการเทรดถือว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักในการเทรดในตลาดนี้เลยก็ว่าได้เพราะเหมือนกับตลาดทั่วๆไปหากปราศจากการ Money Management ก็อาจทำให้ขาดทุนมหาศาลได้ หากมีการจัดสรรเงินที่เป็นเหตุเป็นผลก็จะส่งผลดีต่อพอร์ตของผู้ลงทุนได้
- การเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม : การเลือกประเภทของ Binary Option และเวลาการเข้าเทรดที่เหมาะสมสำหรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ จะทำให้จัดสรรพอร์ตได้ง่ายมากขึ้นเพราะหากไม่มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนทิศทางการเติบโตของพอร์ตก็จะไม่ชัดเจน
- ใช้เงินที่เย็นที่สามารถเสียได้: อย่าใช้เงินค่าใช้จ่ายที่สำคัญมาใช้ในการเทรดที่ Binary Option ใช้เงินที่คุณเพราะเนื่องจากว่าการเทรดในตลาดนี้มีความผันผวนสูงควรใช้งินที่อาจเป็นเงินเก็บออมเพื่อการลงทุนมาเข้าเทรดในตลาดนี้ควรลงทุนเงินที่สามารถจะเสียได้โดยไม่มีผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ของคุณ
- ความอดทน: ความพยายามที่จะรักษาอารมณ์ให้สงบในตอนที่ตลาดเคลื่อนไหวไม่คาดคิด และความพร้อมที่จะยอมรับการสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของการเทรดเพราะถ้าหากเทรดแบบใช้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวอาจเกิดการขาดทุนที่ไม่คาดคิดดังนั้นจึงควรเทรดแบบไม่เอาอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง ใช้การวิเคราะห์ของกราฟเข้ามาและใช้เหตุผล จึงจะทำให้ทำกำไรได้ในตลาดการเทรด
- การศึกษาและการพัฒนาตนเอง: การเรียนรู้และการพัฒนาทักษะใหม่ๆ เกี่ยวกับการเทรด และการทดลองกับกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อมาปรับใช้กับกลยุทธ์ให้เกิดการพัฒนาและช่วยให้การวิเคราห์กราฟมีความแม่นยำมากขึ้นจึงจะช่วยให้เกิดความเข้าใจและความชำนาญในการเทรด Binary Option
การบริหารเงิน (Money Management) ในตลาด Binary Option
การจัดการเงินในการเทรดเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรด นี่คือเทคนิค Money Management ที่นักลงทุนพึงมีเพื่อการเข้าเทรดทำกำไร
- กำหนดขนาดของการเทรด: กำหนดว่าคุณจะลงทุนเท่าไหร่ในแต่ละการเทรด ควรจำกัดการเทรดในแต่ละครั้งให้เหมาะสมกับวงเงินที่คุณสามารถจะเสียได้โดยไม่มีผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ของคุณ
- จำกัดความเสี่ยงในแต่ละการเทรด: กำหนดอัตราส่วนความเสี่ยงต่อการเทรดในแต่ละราคา และหลีกเลี่ยงการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก
- การใช้การจัดการเงินสูงสุด (Maximum Drawdown): กำหนดขีดจำกัดสูงสุดของการสูญเสียที่คุณสามารถรับได้ในการเทรด และหยุดการเทรดเมื่อมียอดสูญเสียเกินขีดจำกัดที่คุณตั้งไว้
- การเทรดด้วยความเสี่ยงคงที่ (Fixed Risk): กำหนดอัตราส่วนของเงินที่คุณสามารถจะเสี่ยงไปในแต่ละการเทรด และรักษาอัตราส่วนนี้คงที่ทั้งในระยะยาว
- การป้องกันกำไร (Profit Protection): กำหนดระดับการหยุดกำไรและใช้การหยุดกำไรเมื่อคุณได้รับกำไรตามที่กำหนดไว้
- การแบ่งพอร์ตการลงทุน (Portfolio Allocation): การแบ่งเงินลงทุนอย่างมีเหตุผลในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลกำไร
ข้อดีข้อเสีย Binary option
ข้อดี
- ความรวดเร็ว : การลงทุนในไบนารีออฟชั่นมักมีระยะเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและผู้ลงทุนสามารถทราบผลลัพธ์ของการซื้อขายได้ทันที ทำให้มีความสามารถในการวางแผนการลงทุนได้
- ความสะดวก : การเทรดแบบ Binary Option ถือว่าเป็นตลาดการเทรดแบบที่สามารถคำนวณผลตอบแทนและอัตราความเสี่ยงล่วงหน้าสามารถอำนวยความสะดวกในด้านการวางกลยุทธ์ในการเทรด
- พอร์ตเล็กเทรดได้ : หากเรามีทุนที่น้อยก็สามารถเข้าเทรดได้ในตลาดนี้เพราะสามารถกำหนดไม้หรือวางแผนการเทรดได้อย่างเป็นแบบแผนและแม่นยำเนื่องจากถ้าหากมีการทำ Money Management ที่ดี ก็สามารถบริหารพอร์ตที่อาจไม่ได้ใหญ่ของตัวผู้ลงทุนได้
- สถิติที่แสดงให้เห็น : การลงทุนในไบนารีออฟชั่นสามารถคำนวณ Win rate ได้ง่ายและสะดวกและทำให้เราคำนวณอัตราผลกำไรและจดบันทึกทางสถิติได้ง่ายและสะดวก
- อัตราการตอบแทนที่ชัดเจน : การลงทุนในไบนารีออฟชั่นสามารถทำการเทรดได้หลากหลาย Trend เนื่องจากมีการกำหนด ROI (Return Of Investments) ไว้แล้วจึงขึ้นอยู่กับแผนการเข้าเทรดของผู้ลงทุน
- สามารถเทรดได้ทุกวันและเวลา : ในตลาด Binary Option เราสามารถเลือกสินทรัพย์ในการเข้าเทรดได้
และบางสินทรัพย์ยังสามารถเข้าเทรดวัน เสาร์ – อาทิตย์ ได้อีกด้วย
ข้อเสีย
- ความเสี่ยงสูง : การลงทุนในไบนารีออฟชั่นเป็นตลาดที่ต้องอาศัยความแม่นยำมากกว่าการเทรดในตลาดปกติเป็นเพราะว่าได้มีการกำหนดเวลาการเข้าเทรดไว้แล้วและเวลาที่จำกัดก็จะส่งผลทำให้มีอัตราที่ตัวผู้ลงทุนอาจวิเคราะห์ผิดพลาดหรืออาจเข้าเทรดในจุดที่อาจไม่แม่นยำเพียงพอ
- ROI ที่น้อยในบางเวลา: ในการเทรดตลาด Binary Option ในทุกๆสินทรัพย์ที่เลือกจะมีค่า ROI (Return Of Investments) บ่งบอกอยู่ในแต่ละสินทรัพย์ในแต่ละช่วงเวลาจะมีเปอร์เซนต์ที่แตกต่างกันจึงเกิดเหตุการณ์ที่เมื่อผู้ลงทุนวิเคราห์กราฟและเล็งเห็นถึงโอกาสในการทำกำไร แต่บางครั้ง ตัวสินทรัพย์นั้นอาจไม่ให้ ROI (Return Of Investments) ที่มากพอจึงก่อให้เกิดการเสียโอกาสในการทำกำไร
- ความซับซ้อนในการวางแผนการลงทุน: การลงทุนในไบนารีออฟชั่นอาจต้องใช้เครื่องมือและการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน และมีการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดนี้ เพราะว่าเนื่องจากต้องอาศัยการเข้าเทรดที่แม่นยำมากกว่าการเทรดในตลาดปกติจึงจะสามารถทำกำไรได้
โบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถือ: มีโบรกเกอร์ที่ไม่เชื่อถือได้ในตลาดไบนารีออฟชั่นมากมายจึงต้องทำการเลือกสรรให้ถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจเข้าไปในตลาด Binary Option