ช่อง BEEZY Trade
https://www.youtube.com/watch?v=BRVO2k5wx5A
จุดเด่นของช่อง
- มีการวิเคราะห์กราฟเชิงลึก: จุดเด่นของช่องนี้ก็คือการวิเคราะห์กราฟที่มีการอธิบายเชิงลึกนั่นเอง ก่อนการเทรดทุกครั้งนั้นจำเป็นที่จะต้องทำการวิเคราะห์กราฟเบื้องต้นคร่าวๆเสียก่อน แล้วค่อยทำการวิเคราะห์กราฟเบื้องลึกก่อนเข้าเทรดจริงนั่นเอง
- เหมาะมากเทรดเดอร์หัวร้อนห้ามพลาด: หัวใจของการเทรดคือ”ความใจเย็น” เทรดเดอร์มืออาชีพ ต้องรู้จักรอคอยจังหวะที่เหมาะสม เทรดเดอร์หัวร้อนเหมาะสมอย่างมากในการเรียนรู้เทคนิคการเฝ้า-รอ-คอยอย่างมืออาชีพ จากBEEZY Trade
- มีการอธิบายเหตุผลการเข้าเทรด: มีการอธิบายเหตุผลการเข้าเทรดในละไม้อย่างเป็นเหตุเป็นผล สามารถบอกได้ว่าที่เข้าออร์เดอร์ในจุดนี้เป็นเพราะอะไรและต้องดูปัจจัยอะไรบ้าง เช่น Price Action/ รูปแบบแท่งเทียน/ Trend เป็น Bullish หรือ Bearish
- มีการใช้ Indicator ที่เรียบง่าย: ในคลิปมีการเลือกใช้ Indicator ที่เรียบง่ายเป็นหลัก เน้นทำความเข้าใจกราฟประกอบไปกับการใช้ Indicator ร่วมด้วย จะช่วยให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- อธิบายเข้าใจง่าย: มีเนื้อหาที่ต้องใช้ความเข้าใจพอสมควร แต่ก็อธิบายได้ละเอียด ค่อยเป็นค่อยไป มีการลงรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้เทรดเดอร์มือใหม่เข้าใจง่ายแต่ได้เนื้อหาที่ละเอียด
ข้อควรระวัง
- ต้องรอจังหวะเข้าเทรด: การรอจังหวะในการเข้าเทรดตามเงื่อนไขต่างๆที่เทรดเดอร์ตั้งไว้ให้ นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เป็นเหมือนบททดสอบความอดทนนั่นเอง
- Indicatorที่เรียบง่าย ก็อาจทำให้ประมาทได้: แม้ว่า Indicator จะช่วยให้การวิเคราะห์ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เครื่องมือวิเศษที่จะบอกอนาคตได้ 100% อย่าหลงเชื่อในความเรียบง่ายของ Indicator มากเกินไป จนลืมศึกษาปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา การวิเคราะห์กราฟและปัจจัยพื้นฐานก็ยังคงมีความสำคัญไม่แพ้กัน
- ต้องใช้ความเข้าใจของกราฟเบื้องต้น: ก่อนจะเริ่มเทรดตาม BEEZY Trade หรือเทรดเดอร์คนอื่นๆ คุณต้องมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับกราฟและการวิเคราะห์ทางเทคนิคเสียก่อน อย่าลืมว่าประสบการณ์คือ“ครู”ที่ดีที่สุด การเรียนรู้จากคลิปเป็นเพียงจุดเริ่มต้น คุณต้องลงมือเทรดจริง ฝึกฝน และเรียนรู้จากความผิดพลาด เพื่อที่จะเติบโตเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ
Indicator ที่ใช้
ชื่อ Indicator | จุดเด่น |
---|---|
Stochastic (14,3,3) | Overbought และ Oversold หรือ ภาวะเมื่อมีการซื้อมากเกินไป และ มีการขายมากเกินไป |
EMA (200) | ใช้ระบุแนวโน้มของตลาดว่าราคานั้นกำลังเป็น Trend ขาขึ้นหรือขาลง |
ZigZag | ใช้เพื่อระบุจุดที่กราฟมีการกลับตัว |
เงื่อนไขการเข้าเทรด
สังเกตภาพรวมของกราฟ:
- ดูแนวโน้ม (Trend) โดยสังเกตจากเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200
- ถ้าราคาอยู่เหนือ EMA 200 แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น
- ถ้าราคาอยู่ใต้ EMA 200 แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาลง
สังเกต Indicator ZigZag:
- ใช้เพื่อดูจุดสูงสุด (High) และจุดต่ำสุด (Low) ของกราฟได้ง่ายขึ้น
- ช่วยให้มองเห็นการกลับตัวของแนวโน้มได้ชัดเจนขึ้น
เข้าเทรดเมื่อมีสัญญาณ:
- เส้น Stochastic ตัดกันในโซน Overbought หรือ Oversold
- EMA 200 เป็นแนวโน้มขาขึ้น หรือ ขาลง
Tips เด็ดจาก BEEZY Trade:
เส้น EMA 200 เป็นเหมือนกำแพงที่แข็งแกร่ง เมื่อราคาชนแล้วเด้งกลับ แสดงว่าแนวโน้มยังคงแข็งแรงอยู่ ถ้าราคาทะลุผ่านได้ ก็อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม
- แนวรับ: ถ้าราคาอยู่เหนือ EMA 200 และลงมาแตะเส้น EMA 200 แล้วเด้งกลับขึ้นไป อาจเป็นจังหวะเข้าซื้อ (Long)
- แนวต้าน: ถ้าราคาอยู่ใต้ EMA 200 และขึ้นมาแตะเส้น EMA 200 แล้วเด้งกลับลงมา อาจเป็นจังหวะเข้าขาย (Short)
ช่อง DrGrand Trading
https://www.youtube.com/watch?v=8HP25LqML44&t=252s
จุดเด่นของช่อง
- ให้ความสำคัญกับรูปแบบแท่งเทียน: มีการลงลึกถึงลักษณะต่างๆของแท่งเทียน ไม่ใช้เพียงแค่รู้ว่าลักษณะนี้มีชื่อเรียกว่าอะไรบ้าง แต่ต้องสามารถบอกได้ว่าเมื่อเกิดแท่งเทียนลักษณะนี้แล้ว จะมีความเป็นไปได้ว่ากราฟจะไปในทิศทางใด ความสำคัญของลักษณะของแท่งเทียนนั้นอาจเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์หลายๆคนมองข้าม แต่หากจะเป็นเทรดเดอร์ Binary Option ที่ต้องอาศัยความรู้ในการดูกราฟแล้วนั้น จะต้องให้ความสำคัญในด้านของลักษณะต่างๆของแท่งเทียนด้วย
- ให้ความรู้ในด้าน Price Action: ความรู้ในการวิเคราะห์กราฟโดยไม่ใช้ Indicator ต่างๆถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เทรดเดอร์ทุกคนควรจะมีพื้นฐานไว้ เช่น การวิเคราะห์แท่งเทียน รูปแบบต่างๆของกราฟเช่น Double Top, Double Bottom หรือ Engulfing Pattern เพราะว่าความรู้เหล่านี้เป็นพื้นฐานในการเทรด Binary Option ที่ต้องอาศัยความแม่นยำในการเข้าเทรด ซึ่งจะช่วยให้สามารถเทรดได้อย่างมั่นคงมากยิ่งขึ้น
- เทคนิคที่สามารถประยุกต์ใช้กับการเทรดกราฟเปล่า
- การตีเส้นแนวรับแนวต้าน: มีความสำคัญในการดูว่าจุดไหนที่กราฟจะกลับตัว
หาแนวรับแนวต้านด้วยStocastic - Supply Demand Zone: โซนที่มีมีแรงซื้อหรือขายจำนวนมาก เป็นจุดน่าเข้าเทรด
- SMC (Smart Money Concepts): เป็นแนวคิดที่เน้นการวิเคราะห์การกระทำของผู้เล่นรายใหญ่หรือเงินทุนขนาดใหญ่ในตลาด เช่น สถาบันการเงิน โดยดู Break of Structure และ Change of Character
SMC การหาร่องรอยจากขาใหญ่ - ICT: Inner Circle Traderเน้นการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของราคา เช่นการหา Order Blocks, Fair Value Gaps
การเทรดด้วย Order Blocks - QM: Quasimodo Pattern เป็นรูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ในการระบุจุดกลับตัวของราคาในตลาดว่ากำลังเป็นขาขึ้นหรือเป็นขาลง
QM รูปแบบหาจุดกลับตัวที่นิยม
- การตีเส้นแนวรับแนวต้าน: มีความสำคัญในการดูว่าจุดไหนที่กราฟจะกลับตัว
ข้อควรระวัง
- ต้องใช้ความเข้าใจสูง: การเทรดโดยไม่นำ Indicator มาช่วยดูนั้นต้องอาศัยความเข้าใจ และประสบการณ์เป็นอย่างมาก ต้องดูกราฟให้เข้าใจถึงแนวโน้มและ Zone ที่สามารถเข้าเทรดได้ รวมไปถึงจุดที่กราฟมีแนวโนม้ที่จะกลับตัว หากไม่มีความรู้และความเข้าใจที่มากพอจะทำให้ขาดทุนได้อย่างง่ายดาย
- อาจใช้เวลาในการทำความเข้าใจ: แน่นอนว่าการที่เทรดเดอร์จะเข้ามาเรียนรู้ในเทคนิคต่างๆโดยไม่ใช้ Indicator นั้นจะต้องอาศัยเวลาในการทำความเข้าใจในระบบการเทรดนั้นๆ เพราะยิ่งมีความรู้มากเท่าไหร่ก็จะลดความเสี่ยงในการขาดทุน และแน่นอนการเรียนเทคนิคต่างๆให้มีความเข้าใจที่มากพอ จำเป็นจะต้องใช้เวลาที่นานพอสมควรในการทำความเข้าใจและทำการทดลองเทรดจริงๆ
เทคนิคที่ใช้ดูกราฟ
ชื่อเทคนิค | จุดเด่น |
---|---|
SMC | Break of Structure และ Change of Character ที่จะสามารถวิเคราะห์แนวโน้มภาพรวมของกราฟได้ |
ICT | Order Blocks, Fair Value Gaps, และ Market Structure Shifts เพื่อช่วยให้สามารถเข้าใจและวิเคราะห์ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
คำศัพท์น่ารู้
ชื่อเทคนิค | จุดเด่น |
---|---|
FVG (Fair Value Gaps) | เป็นช่องว่างในกราฟราคาที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วและทิ้งช่วงระหว่างระดับราคาไว้ |
OB (Order Blocks) | เป็นบริเวณบนกราฟที่แสดงถึงการซื้อหรือขายที่มีปริมาณมาก |
Support and Resistance | แนวรับและแนวต้านช่วยในการระบุจุดเข้าซื้อและขายที่สำคัญ |
Liquidity Pools | ช่วยในการเข้าใจพฤติกรรมของราคาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อราคามาถึงบริเวณนั้น |
QM | หาจุดที่ราคามีแนวโน้มที่จะกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง หรือจากแนวโน้มขาลงเป็นขาขึ้น |
เงื่อนไขการเข้าเทรด
- ดูภาพใหญ่ของกราฟ: เพื่อหาแนวโน้ม (Trend) และจุดเข้าเทรดที่เหมาะสม
- ดูแนวรับแนวต้านของกราฟ: เพื่อกำหนดจุดเข้า-ออก และตั้งจุด Stop Loss/Take Profit
- ตีเส้นเพื่อหาจุดเข้าเทรด: อาจใช้เครื่องมือ Fibonacci, Trendline หรือรูปแบบกราฟอื่นๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
- ดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจ: เช่น
- ลักษณะแท่งเทียน: เพื่อดูความแข็งแกร่งของแนวโน้มและสัญญาณกลับตัว
- Indicator: เพื่อยืนยันสัญญาณและเพิ่มความมั่นใจในการเทรด
- ข่าวสาร: เพื่อติดตามปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาด
โดยจุดเข้าเทรดที่น่าสนใจคือบริเวณ Zone แนวรับ ซึ่งเป็นบริเวณที่ราคามีแนวโน้มจะเด้งกลับขึ้นไป (Bounce)
Tips ที่น่าสนใจของช่อง!
Quasimodo Pattern (QM)
เป็นรูปแบบการกลับตัวที่ประกอบด้วยระดับสูงสุด (High) และระดับต่ำสุด (Low) ที่มีโครงสร้างเฉพาะ
- โครงสร้างของ QM ประกอบด้วย
- Higher High (HH) Higher Low (HL)
- Lower High (LH) Lower Low (LL)
การเข้าเทรดด้วย QM:
- Bullish QM: เข้าซื้อ (Long) เมื่อราคาทะลุเหนือ LH และมีการยืนยันด้วยสัญญาณอื่นๆ เช่น แท่งเทียนกลับตัว หรือ Indicator
- Bearish QM: เข้าขาย (Short) เมื่อราคาทะลุต่ำกว่า HL และมีการยืนยันด้วยสัญญาณอื่นๆ เช่น แท่งเทียนกลับตัว หรือ Indicator
ช่อง Trading With Oliver
https://www.youtube.com/watch?v=Cf7uetImhp4
จุดเด่นของช่อง
- เน้นหาจุดกลับตัวที่แม่นยำ: เน้นการเทรดที่จุดกลับตัวเป็นหลักโดยมองจากภาพใหญ่ สามารถดูได้จากหลายปัจจัย เช่น Indicator ต่างๆ หรือ Price Action
- รอในจุดที่มั่นใจ: การรอดูเงื่อนไขต่างๆให้ครบก่อนเข้าเทรดนั้นเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ทุกคนควรจะฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เพราะการมีวินัยในการเข้าเทรดนั้นจะช่วยให้การเทรดนั้นรอบคอบมากยิ่งขึ้น และจะช่วยให้ลดอัตราการขาดทุนได้
- มีการสอนหลากหลายเทคนิค: มีหลากหลายเทคนิคภายในช่องไม่ว่าจะเป็นการนำ Indicator หลายๆตัวมารวมกัน หรือจะเป็นแผนการเทรดต่างๆ ที่สอดคล้องกับจำนวนเงินในพอร์ตที่มี ทั้งการปั้นพอร์ตที่อาจไม่ได้ใหญ่มาก และการเทรดพอร์ตใหญ่ให้มั่นคงมากยิ่งขึ้น
ข้อควรระวัง
- ความอดทนในการรอจังหวะการเข้าเทรด: การรอจังหวะในการเข้าเทรดนั้นสำคัญอย่างมากเพราะเป็นสิ่งที่สะท้อนว่า เทรดเดอร์คนนั้นมีวินัยในการเทรดรึเปล่า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำกำไรระยะยาว
- ต้องเลือกใช้เทคนิคที่ถนัด: การเลือกใช้ Indicator นั้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเทรด เป็นเพราะว่าเทรดเดอร์แต่ละคนนั้นมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงต้องเลือกเทคนิคที่ตัวเองมีความถนัดและมีความเข้าใจในกลยุทธ์นั้นๆ เพราะหากเลือกใช้ตามเทรดเดอร์คนอื่นแต่ไม่ได้มีความเข้าใจในเงื่อนไขการเข้าเทรดก็ไม่ทำให้เกิดการพัฒนาและเสียโอกาสในการทำกำไร
- การบริหารเงินในพอร์ต: การ Money Management ถือว่าเป็นหัวใจหลักของการเทรด Binary Option เพราะหากขาดการบริหารการเงินที่ดีนั้นจะทำให้สามารถขาดทุนได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเทรดเดอร์ทุกคนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในด้านการบริหารการเงิน
Indicator ที่ใช้
ชื่อ Indicator | จุดเด่น |
---|---|
Parabolic SAR (0.02) | จุดไข่ปลาบอกว่าแท่งเทียนกำลังเปลี่ยนไปเป็นขาขึ้นหรือขาลง |
SMA (10) | เส้นบอกแนวโน้มของราคา |
Williams %R | ใช้เพื่อระบุจุดที่แนวโน้มของราคาภาพรวม |
เงื่อนไขการเข้าเทรด
- ดูภาพรวมของกราฟ: ตรวจสอบว่า Williams %R อยู่ในโซน Overbought หรือ Oversold หรือไม่
- ดูเส้น SMA 10: เพื่อหาจุดเข้าเทรดที่เหมาะสม
- เข้าเทรดเมื่อมีจุด Parabolic SAR:
- เข้าซื้อ (Long): เมื่อมีจุด Parabolic SAR อยู่ข้างล่างแท่งเทียน
- เข้าขาย (Short): เมื่อมีจุด Parabolic SAR อยู่ข้างบนแท่งเทียน
ใช้ 1.Williams %R เพื่อประเมินสภาวะตลาดว่าอยู่ในโซน Overbought หรือ Oversold จากนั้นใช้เส้น 2.SMA 10 เพื่อหาจังหวะเข้าเทรด และใช้จุด 3.Parabolic SAR เป็นสัญญาณยืนยันในการเข้าซื้อหรือขาย
Tips ที่น่าสนใจของช่อง!
Williams %R หรือ Williams Percent Range เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในการประเมินระดับ Overbought และ Oversold ในตลาด มักใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ เช่น Moving Average, MACD หรือ RSI เพื่อยืนยันสัญญาณและเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจเทรด
สรุปใจความสำคัญ
ช่อง YouTube เหล่านี้โดดเด่นด้วยเทคนิคการเทรดที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์หน้าใหม่ มีเคล็ดลับดีๆอีก มากมายอยู่ภายในช่องที่เทรดเดอร์หน้าใหม่สามารถเข้าไปเรียนรู้ได้อยู่เสมอโดยมีเทคนิคที่น่าสนใจยกตัวอย่างเช่น
- การใช้ EMA 200 ดูภาพรวม
- การใช้ Williams %R มาดู Overbought Oversold